สถานที่ท่องเที่ยวในภาคใต้ที่น่าสนใจ
จังหวัดพังงา
เมืองเก่าตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ที่เที่ยวอินเทรนด์ เสน่ห์ของเมืองเล็กๆ ชวนหลงใหล
ตะกั่วป่า เมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากในอดีต แหล่งท่องเที่ยวสายวัฒนธรรมของจังหวัด
ที่มีเอกลักษณ์และมีชื่อเสียงเรื่องความสวยงามของตึกเก่า เรียงรายเต็มสองฟาก ถนนศรีตะกั่วป่า


เมืองเก่าตะกั่วป่า สร้างขึ้นมาตั้งแต่ก่อน พ.ศ. 500 เดิมมีชื่อว่า เมืองตกโกล แปลว่า กระวาน ต่อมาได้เพี้ยนเป็น ตะโกลา
และกลายเป็น ตะกั่วป่า ในอดีตเมืองตะกั่วป่าเจริญรุ่งเรืองมากในยุคเหมืองแร่ สมัยรัชกาลที่ 7
เนื่องจากพื้นที่แห่งนี้ มีความอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยแร่ดีบุก จึงทำให้มีคนจีนอพยพเข้ามาทำงานในเหมืองเป็นจำนวนมาก



เมืองเก่าตะกั่วป่าถือเป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิต ชาวบ้านในพื้นที่ ยังคงรักษาบ้านเรือน และวิถีชีวิตดั้งเดิม
ซึ่งหลายบ้านเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยว ให้เข้าไปชมสถาปัตยกรรม ผสมผสานระหว่างตะวันตกและตะวันออก
หรือที่เรียกว่า “ชิโน-โปรตุกีส” ซึ่งทำให้บ้านเรือนของเมืองตะกั่วป่า มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
โดยเฉพาะบริเวณ ถนนอุดมธารา และ บริเวณถนนศรีตะกั่วป่า (ตลาดใหญ่)




ตึกเก่าเมืองตะกั่วป่า มีลักษณะเป็นตึกแถวสองชั้น ก่ออิฐถือปูน ด้านหน้าอาคารชั้นล่าง มีทางเดินเท้าเชื่อมต่อกันเป็นระยะๆ
มุงหลังคาด้วยกระเบื้องแบบจีน และมีซุ้มประตูโค้งแบบเดียวกับหง่อคาขี่ในจังหวัดภูเก็ต
ปัจจุบันธุรกิจเหมืองแร่เลิกไปนานแล้ว แต่ตึกเก่าเหล่านี้ ยังคงมีผู้คนอาศัยอยู่ อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของวิถีท้องถิ่น

โดยทุกวันอาทิตย์ เวลา 15.00-19.00 น. ในช่วงเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนเมษายน บริเวณถนนศรีตะกั่วป่า
จะจัดงานถนนคนเดินเมืองตะกั่วป่า สถานที่เดินเล่น จับจ่ายซื้อหาอาหาร และขนมพื้นบ้านโบราณ
พร้อมกับดื่มด่ำบรรยากาศยามเย็น ท่ามกลางตึกเก่าสไตล์ชิโนโปรตุกีสบนถนนสายวัฒนธรรมแห่งนี้
เที่ยว “เมืองเก่าตะกั่วป่า” พังงา 8 จุดห้ามพลาด เที่ยวครบในวันเดียว อ่านต่อได้ที่
1สะพานเหล็กโคกขนุน จุดเช็คอินแรกของเราในวันนี้คือ “สะพานเหล็กโคกขนุน” หรือ “สะพานเหล็กบุญสูง” เป็นสะพานเหล็กขนาดเล็กใช้สำหรับการสัญจรข้ามแม่น้ำตะกั่วป่าของชาวบ้านค่ะ ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2511 โดยใช้เหล็กจากเรือขุดแร่ที่หยุดกิจการไปแล้วในการสร้าง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมาจอดรถถ่ายรูปกับสะพานแห่งนี้เป็นจำนวนมาก

2. ขนมเต้าส้อ ถัดจากสะพานเหล็กโคกขนุนมาไม่ไกลก็จะเจอกับ “ร้านตวงรัตน์” ร้านขายของฝากที่มี “ขนมเต้าส้อ” เป็นไฮไลท์ โดยสูตรการทำขนมเต้าส้อของที่นี่มาจากประเทศจีนเมื่อปี พ.ศ.2450 โดยนายฉายเอี่ยน ลิ่มสกุล คุณพ่อของ “พี่ตวงรัตน์” ทำหน้าที่สืบทอดการทำขนมของบรรพบุรุษและได้พัฒนาขนมเต้าส้อให้มีความหลากหลายและเป็นที่รู้จักในปัจจุบัน

3. โรงเรียนเต้าหมิง อาคารสีเหลืองโดดเด่นหลังนี้คือ “โรงเรียนเต้าหมิง” อาคารโรงเรียนหลังนี้สร้างขึ้นเมื่อประมาณ ปี พ.ศ. 2465 โดยใช้ช่างฝีมือชาวจีนในการสร้าง และได้เงินจากการเรี่ยไรเงินทุนจากเศรษฐีเหมืองแร่และพ่อค้าชาวจีน มีการจัดการศึกษาในระดับประถมศึกษาและจัดให้มีการเรียนการสอนภาษาจีนด้วย และตอนนี้ได้มีการเปิดอาคารหลังนี้ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าเยี่ยมชมด้านในอีกด้วยค่ะ

4. บ้านขุนอินทร์ ที่นี่สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2460 เป็นที่อยู่อาศัยของ ร.อ.ท. ขุนอินทรคีรี ( ช้อย ณ นคร ) หลานพระยาเสนานุชิต ( นุช ณ นคร ) ผู้สำเร็จราชการเมืองตะกั่วป่า และยังเคยดำรงตำแหน่งนายอำเภอตะกั่วป่าอีกด้วยค่ะ อาคารแห่งนี้ก่อสร้างโดยช่างฝีมือชาวจีน ตอนนี้อยู่ในความดูแลของตระกูล ณ นคร ที่นี่ถือเป็นโบราณสถานที่มีคุณค่าด้านสถาปัตยกรรมอีกหนึ่งแห่ง จุดนี้เราสามารถถ่ายรูปสวย ๆ กับตัวบ้านได้เฉพาะด้านนอกเท่านั้นค่ะ
5.วัดเสนานุชรังสรรค์ ไปกันต่อที่ “วัดเสนานุชรังสรรค์” เป็นพระอารามหลวง ชาวบ้านนิยมเรียกว่า “วัดใหม่กำแพง” สร้างเมื่อปี พ.ศ.2390 เนื่องจากมีการก่อกำแพงด้วยอิฐถือปูน และเมื่อมีชาวบ้านมาปลูกบ้านอาศัยให้เป็นชุมชนมากขึ้น ในปี พ.ศ.2547 ได้แยกมาตั้งเป็นชุมชนเสนานุชรังสรรค์แทน และในสมัยที่ตะกั่วป่ามีฐานะเป็นเมืองได้ใช้อุโบสถของวัดนี้เป็นสถานที่ถือน้ำพิพัฒน์สัตยาอีกด้วย

6. ศาลเจ้าพ่อกวนอู ไปเยือนชมวัดไทยกันแล้ว ไปเดินทางไปต่อกันที่วัดจีนค่ะ “ศาลเจ้าพ่อกวนอู” (ซิ่นใช่ตึ๋ง) หรือ “อ๊ามใต้” ตั้งอยู่ที่ตลาดเก่า ศาลเจ้าแห่งนี้มีอายุประมาณ 170 ปีแล้วค่ะ เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวตะกั่วป่าเป็นอย่างมาก ในทุก ๆ ปีจะมีการจัดงานเทศกาลถือศีลกินผัก โดยศาลเจ้าพ่อกวนอู จะถูกใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ มากมายเลยละค่ะ
7.ชุดบาบ๋า เดินไปไม่ไกลจาก “ศาลเจ้าพ่อกวนอู” ก็จะเจอกับ “ชมรมชาวบาบ๋าฝั่งทะเลอันดามัน” แหล่งรวบรวมชุดและวัฒนธรรมบาบ๋า ตั้งแต่ในเรื่องการแต่งกาย, พิธีกรรม, ความเชื่อ, อาหารการกินและที่นี่จะมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวแต่งกายชุดบาบ๋าถ่ายรูปกันฉากโบราณได้อีกด้วยนะคะ

8. ถนนคนเดินตะกั่วป่า มาถึงที่สุดท้ายในช่วงเวลาเย็น ๆ ของวันอาทิตย์ในเดือนพฤศจิกายน - พฤษภาคม ของทุกปี ถนนเส้นนี้จะมีการจัดงาน “ถนนสายวัฒนธรรมตะกั่วป่า” ขึ้นค่ะ โดยเป็นการรวมตัวของคนในชุมชนออกร้านขายของ ทั้งอาหารและขนมพื้นเมืองหาทานยาก ของฝากของที่ระลึก ตลอดสองข้างทางบนถนนความยาวกว่า 400 เมตร

จังหวัดพัทลุง
10 ที่เที่ยวยอดนิยม จ.พัทลุง เมืองต้องห้ามพลาด
1.วัดถ้ำคูหาสวรรค์
พระอารามหลวงแห่งแรกในจังหวัดพัทลุง ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์องค์ใหญ่ และพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ตามผนัง ด้านหน้ามีจารึกพระปรมาภิไธยย่อของพระมหากษัตริย์ของเชื้อพระวงศ์หลายพระองค์ปรากฏอยู่
ถ้ำคูหาสวรรค์ มีตำนานเรื่องเล่าที่มีที่มาจากเรื่องรามเกียรติ์ โดยเล่าเรื่องควายทรพีฆ่าที่บิดาตนเองตายแล้ว ก็ไปท้ารบกับเทวดาต่าง ๆ พระอิศวรจึงให้ไปรบกับพาลี พาลีออกอุบายให้รบในถ้ำคูหาสวรรค์ พาลีสั่งสุครีพไว้ว่า ให้ไปคอยอยู่ปากถ้ำ ถ้าเห็นว่าเลือดข้นไหลออกมาเป็นเลือดทรพี ถ้าเลือดใสเป็นเลือดของตน ให้สุครีพนำหินปิดปากถ้ำ พาลีฆ่าทรพีตาย ข
ณะนั้นได้เกิดฝนตกหนักทำให้เลือดใส สุครีพเข้าใจว่าพี่ชายตาย จึงนำหินปิดปากถ้ำ พาลีโกรธมาก จึงตัดเอาหัวของทรพีขว้างไปที่ปากให้เปิดออก หัวของทรพีกลายเป็นธาตุหินตั้งพิงอยู่ปากถ้ำ เรียกว่า “หัวทรพี” จากนั้นพระยาพาลีก็ไล่สุครีพออกจากเมือง สุครีพก็เข้าไปนั่งร้องไห้อยู่ในถ้ำคูหาสวรรค์ จนขี้ตากลายเป็นธาตุหินขนาดใหญ่ เรียกว่า “ขี้ตาสุครีพ”


2. วังเจ้าเมืองพัทลุง
หรือที่เรียกว่าวังเก่า-วังใหม่ ตั้งอยู่ใกล้กับวัดวังเดิมเป็นที่ว่าราชการและเป็นที่พักอาศัยของเจ้าเมืองพัทลุงปัจจุบันยังเหลืออยู่ส่วนหนึ่งคือ วังเก่าสร้างในสมัยพระยาพัทลุง (น้อยจันทโรจนวงษ์) เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ต่อมาวังได้ตกทอดมาจนถึงนางประไพ มุตามะระบุตรีของหลวงศรีวรฉัตร
ส่วนวังในสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2432 โดยพระยาอภัยบริรักษ์จักราวิชิตพิพิธภักดี (เนตร จันทโรจนวงษ์) บุตรชายของพระยาพัทลุงซึ่งเป็นเจ้าเมืองพัทลุง ครอบครัวจันทโรจนวงษ์ได้มอบวังนี้ให้เป็นสมบัติของชาติและกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานวังเก่าในปีพ.ศ 2535 ศาสนสถาน
ภายในวังนี้มีสิ่งที่น่าสนใจเรียกว่า “พระศรีมุมเมือง” เป็นพระพุทธรูปประจำภาคใต้และปูชนียวัตถุคู่เมืองของพัทลุงประดิษฐานอยู่ภายในศาลาจตุรมุขบริเวณด้านหน้าระหว่างศาลากลางจังหวัดกับศาลจังหวัดพัทลุงเป็นพระพุทธรูปหล่อสัมฤทธิ์ปางสมาธิ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ พระราชทานไว้ที่จังหวัดพัทลุงเมื่อปี พ.ศ. 2511

3.ทะเลน้อย
อุทยานนกน้ำทะเลน้อยหรือทะเลน้อยเป็นทะเลสาบน้ำจืดอยู่ทางตอนเหนือของทะเลสาบสงขลา โดยมีคลองนางเรียมเชื่อมระหว่างทะเลน้อยและทะเลสาบสงขลา
ทะเลน้อยเป็นบริเวณที่มีน้ำขังตลอดปี พืชส่วนใหญ่เป็นพืชน้ำที่โดดเด่นและสร้างสีสันให้กับทะเลน้อย ได้แก่ สาหร่ายหางกระรอกสาหร่ายข้างเหนียวที่มีดอกเล็ก ๆ สีเหลือง สีม่วงสวยงาม บัวหลวง บัวสาย บัวเผื่อน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีนกน้ำนานาชนิดทั้งนกประจำถิ่นและนกอพยพมาอาศัยอยู่ เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพในวงจรธรรมชาติของทะเลน้อยเหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสัตว์
ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบชายทะเลสาบ ประกอบด้วยนาข้าวและป่าหญ้าป่าพรุและป่าเสม็ด เป็นแอ่งน้ำมีพืชปกคลุม และที่ราบเชิงเทือกเขาบรรทัดมีเนินเขาสูงราว 100 เมตรจากระดับน้ำทะเล
ส่วนพื้นน้ำทะเลน้อยมีความกว้างราว 5 กิโลเมตรและยาว 6 กิโลเมตร ความลึกโดยเฉลี่ยราว 1.5 เมตร ปกคลุมด้วยพืชน้ำต่าง ๆ เช่น บัวกระจูด หญ้าน้ำกก ปรือ และกง กระจัดกระจายอยู่ทั่วไปโดยเฉพาะบริเวณน้ำตื้นและค่อนข้างนิ่ง



4.พระมหาธาตุเจดีย์บางแก้ว วัดเขียนบางแก้ว
ประดิษฐานอยู่ภายในวัดเขียนบางแก้ว มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบเดียวกันกับพระมหาธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช เพียงแต่มีขนาดเล็กกว่า
ตามตำนานเล่าว่านางพญาเลือดขาวและพระยากุมารเป็นผู้สร้างพระมหาธาตุเจดีย์บางแก้ว ตั้งแต่ประมาณปีพุทธศักราช 1483 พร้อมทั้งยังสร้างโบสถ์ และวิหารอีกด้วยโดยแล้วเสร็จในปีพุทธศักราช 1490 พร้อมทั้งยังได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากลังกามาบรรจุไว้ในพระมหาธาตุเจดีย์บางแก้วเมื่อปีพุทธศักราช 1493
พระมหาธาตุเจดีย์บางแก้วเป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมก่อด้วยอิฐสูง 22 เมตร ที่บริเวณฐานมีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูป 3 ซุ้ม เหนือซุ้มทั้งสามมีเจดีย์รูปทรงสี่เหลี่ยม นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปเก่าแก่ โบราณวัตถุ และปูชนียสถานหลายรายการแสดงถึงความเป็นวัดที่เก่าแก่มีความสำคัญมากวัดหนึ่งในด้านเกี่ยวกับการศึกษา

5. บ่อน้ำร้อนธารน้ำเย็น เขาชัยสน
แหล่งท่องเที่ยวน่ามาพักผ่อนแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาชัยสนที่บริเวณหน้าผาเชิงเขาชัยสนเป็นที่ตั้งของธารน้ำเย็น ซึ่งตกแต่งให้เป็นสวนพักผ่อน มีครอบครัวนิยมพาบุตรหลานมาเที่ยวเล่นมากมาย เลยไปอีกประมาณ 300 เมตรจะเป็นบ่อน้ำร้อนอุณหภูมิประมาณ 60 องศาเซลเซียส
ประชาชนเชื่อกันว่า เป็นแอ่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ใช้รักษาโรคบางอย่าง ตามตำนานเชื่อกันว่าเมื่อก่อนในบริเวณพื้นที่บ่อน้ำร้อนเขาชัยสนเป็นทะเลสาบทั้งหมดและเป็นทะเลสาบที่กว้างใหญ่จนเมื่อ พ.ศ.2494 พระพิศาลธรรมรังสี เจ้าอาวาสวัดพัทลุงจึงได้เดินทางมาบูรณะสร้างกำแพงรอบรอบบ่อน้ำร้อนชาวบ้านมีความเชื่อกันว่าบ่อน้ำร้อนแห่งนี้มีน้ำร้อนศักดิ์สิทธิ์สามารถรักษาโรคผิวหนังได้เป็นอย่างดีเช่น โรคกลากเกลื้อน เป็นต้น
บ่อน้ำร้อนเขาชัยสนจะมีอุณหภูมิของน้ำจะสูงขึ้นหากได้รับแรงสะเทือน มีน้ำร้อนไหลตลอดเวลา ปัจจุบันได้รับปรุงปรุงให้เป็นที่ท่องเที่ยว โดยมีสถานที่อาบน้ำ บ่อพักน้ำร้อนมีบริการอาบน้ำแร่ฝักบัว แช่อ่างอาคารที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว สถานที่จำหน่ายสินค้าร้านจำหน่ายอาหารไว้คอยให้บริการมีการปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบจึงเหมาะสำหรับการพักผ่อนของครอบครัว

6..น้ำตกไพรวัลย์
น้ำตกน่าเที่ยวแห่งนี้ตั้งอยู่ในหน่วยพิทักษ์ป่าบ้านพูด เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ บรรยากาศเงียบสงบร่มเย็นด้วยพรรณไม้นานาชนิด ระหว่างการเดินทางไปน้ำตกไพรวัลย์ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับธรรมชาติของท้องทุ่งและสวนยางพารา บริเวณน้ำตก ด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบ ร่มเย็น
สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเลือกเป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ โดยน้ำตกจะไหลลงมาจากผาสูง ด้วยกระแสน้ำค่อนข้างแรง จึงเหมาะแก่การเล่นน้ำในชั้นล่าง พื้นที่บริเวณน้ำตกจะมีร้านอาหาร รวมถึงลานจอดรถไว้บริการนักท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถสองแถวสายน้ำตกไพรวัลย์-พัทลุง ซึ่งคิวรถจะจอดอยู่เยื้องสถานีรถไฟพัทลุง โดยคิวรถจะจอดอยู่เยื้องสถานีรถไฟพัทลุง เริ่มตั้งแต่เวลา 7.00-17.00 น. จากน้ำตกไพรวัลย์มาพัทลุงคันสุดท้ายหมด ประมาณเวลา 15.00 น. โดยรถจะออกทุก 15 นาที ซึ่งมีทุกวัน

7. ภูเขาอกทะลุ
เป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัดพัทลุง ชาวเมืองพัทลุงเชื่อถือและเปรียบ ภูเขาอกทะลุ เสมือนเสาหลักเมืองพัทลุง ด้วยเหตุนี้ทางราชการจึงนำภาพเขาอกทะลุ และเจดีย์บนยอดเขามาทำเป็นตราสัญลักษณ์ของจังหวัด
นอกจากนี้ เขาอกทะลุ ยังเป็นแหล่งโบราณคดีและแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญด้วย เขาอกทะลุมีความสูงประมาณ 250 เมตร มีลักษณะเป็นเขาหินปูน บริเวณตรงกลางมีช่องขนาดใหญ่ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10 เมตร ลักษณะพิเศษของเขาอกทะลุ คือ มีช่องที่มองลอดทะลุยอดภูเขาอยู่บริเวณเกือบตอนปลายของยอดเขา สามารถมองทะลุไปยังอีกด้านหนึ่ง ซึ่งจะเห็นบรรยากาศของเมืองพัทลุงได้อย่างชัดเจน
มีบันไดเดินเท้าไต่ขึ้นไปจนถึงช่องเขาทะลุประมาณ 1,066 ขั้น และสามารถปีนต่อขึ้นไปจนถึงลานหินบนยอดเขาได้ เป็นจุดชมวิวที่สามารถชมทิวทัศน์ของเมืองพัทลุงได้รอบทิศทาง

8. วัดวัง
ปูชนียสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดพัทลุง สำหรับชื่อของ “วัดวัง” นั้นมีที่มา 2 นัย นัยหนึ่งว่าทางทิศใต้ของวัดมีวังน้ำที่ลึกมาก เรียกว่า “หัววัง” จึงเรียกวัดวัง ส่วนอีกนัยหนึ่งว่า เพราะตั้งอยู่ใกล้กับ “วังเจ้าเมืองพัทลุง” จึงเรียกวัดวัง วัดวังเดิมเป็นวัดโบราณสันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายหรือไม่ก็สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ต่อมาได้สร้างขึ้นใหม่โดยพระยาพัทลุง (ทองขาว) ในสมัยรัชกาลที่ 3 และเคยเป็นสถานที่ทำพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาในสมัยรัตนโกสินทร์ วัดแห่งนี้มีสิ่งน่าสนใจมากมายเช่น พระอุโบสถ เป็นสถาปัตยกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ หลังคาทรงไทยมุงด้วยกระเบื้องเคลือบดินเผา ประดับด้วยช่อฟ้าใบระกา ด้านหน้ามีมุขเด็จยื่นออกมา
ภายในอาคารมีจิตรกรรมฝาผนังสีฝุ่นในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติและเทพชุมนุม บริเวณระเบียงคดโดยรอบมีพระพุทธรูปปูนปั้น 108 องค์ นอกจากนี้ยังมีพระเจดีย์ วิหารและธรรมาสน์ลายทอง สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์เช่นเดียวกับพระอุโบสถ เหมาะสำหรับผู้สนใจศึกษาทางด้านสถาปัตยกรรมไทย


9. หาดแสนสุขลำปำ
หาดแสนสุขลำปำเป็นหาดทรายที่มีทิวสนร่มรื่นริมฝั่งทะเลสาบสงขลา มีศาลากลางน้ำ ชื่อ “ศาลาลำปำที่รัก” ไว้สำหรับชมทิวทัศน์บริเวณทะเลสาบ จากบริเวณชายหาดมีสะพานเชื่อมไปยังเกาะลอยซึ่งเป็นเกาะที่เกิดจากการทับถมของตะกอนปากน้ำลำปำ
แต่เดิมหาดแสนสุขลำปำเคยเป็นที่ตั้งของอำเภอเมือง เนื่องจากในอดีตชาวบ้านนิยมใช้เรือเป็นพาหนะหลักในการเดินทาง อีกทั้งในสมัยนั้นถนนหนทางยังไม่เจริญ จึงนิยมค้าขายกันทางน้ำ ตัวเมืองที่อยู่ติดน้ำจึงสะดวกต่อการเดินทางติดต่อค้าขายมากกว่า นอกจากอยู่ริมน้ำแล้ว หาดแสนสุขลำปำยังมีสภาพเป็นแหลมยาวลึกด้านหนึ่งติดทะเลสาบ
อีกด้านเป็นคลองลำปำ เป็นที่ตั้งของท่าเทียบเรือลำปำ มีบริการเรือนำเที่ยวอีกฟากหนึ่งของคลอง มีรีสอร์ตและร้านอาหารท่ามกลางบรรยากาศริมน้ำ ทั้งยังมีจักรยานน้ำไว้คอยให้บริการนักท่องเที่ยว

10.อช. เขาปู่-เขาย่า
อุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า เป็นอุทยานที่ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดพัทลุง นครศรีธรรมราช และจังหวัดตรัง มีเนื้อที่ประมาณ 433,750 ไร่ ตั้งอยู่ในบริเวณเทือกเขาบรรทัด มีภูเขาสลับซับซ้อนปกคลุมด้วยป่าดงดิบชื้นเขียวสะพรั่งทุกฤดูกาล จนได้รับสมญานามว่า “ป่าพรหมจรรย์”
มีเขาหินแท่นเป็นยอดเขาสูงสุด มี “เขาปู่” ซึ่งถือว่าเป็นภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่สิงสถิตของดวงวิญญาณ “ตาปู่” เป็นเทพกึ่งธรรพ์ ซึ่งเป็นที่นับถือเคารพกราบไหว้ของชาวพัทลุง
พื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า เป็นต้นน้ำของแม่น้ำตรังและแม่น้ำสายอื่น ๆ ส่วนใหญ่มีสภาพเป็นสังคมพืชป่าดิบชื้น มีอาณาเขตติดต่อกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเทือกเขาบรรทัด จึงมีสัตว์ป่าอพยพไปมา รวมไปถึงนกหลายชนิด เช่น นกยางไฟหัวสีเทา นกคัดคูสีทองแดง นกบั้งรอกปากแดง ฯลฯ เหมาะสำหรับผู้ที่รักการดูนกเป็นอย่างยิ่ง

จังหวัดนครศรีธรรมราช
ที่เที่ยวนครศรีธรรมราช - 11 ที่เที่ยวเมืองต้องห้ามพลาด นครศรีธรรมราช นครสองธรรม
1.วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร
มาถึงเมืองคอน แน่นอนต้องแวะมาที่ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ที่ชาวนครเรียกว่า วัดพระธาตุ โบราณสถานสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ สัญลักษณ์ของจังหวัด และเป็นมิ่งขวัญชาวเมืองนครศรีธรรมราชตลอดจนพุทธศานิกชน พระบรมธาตุเจดีย์ เป็นที่บรรจุ พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ประกาศ จดทะเบียนวัดพระมหาธาตุเป็นโบราณสถาน นับเป็นปูชนียสถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้
ข้อมูลเพิ่มเติม วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร

2. ศาลหลักเมืองนคร
ศาลหลักเมืองนคร สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่คอยปกป้องรักษาบ้านเมืองให้พ้นจากภัยอันตรายต่างๆ ราคงเคยรับรู้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของศาลหลักเมืองจากคำลือมาหลายต่อหลายครั้ง ผ่านองค์จตุคามรามเทพเทวดารักษาเมือง ซึ่งอยู่บนเสาสูงสุดของหลักเมือง อาคารสีขาวที่ออกแบบได้อย่างดงามประกอบด้วยอาคารทั้งหมด 4 หลัง หลังกลางเป็นที่ประดิษฐานของศาลหลักเมือง ออกแบบให้มีลักษณะคล้ายศิลปะศรีวิชัย เรียกว่าทรงเหมราชลีลา ส่วนอาคารเล็กทั้งสี่หลัง ถือเป็นบริวารสี่ทิศ เรียกว่าศาลจตุโลกเทพ ประกอบด้วยพระเสื้อเมือง ศาลพระทรงเมือง ศาลพระพรหมเมืองและศาลพรบันดาลเมือง

3. บ้านขุนรัฐวุฒิวิจารณ์
บ้านขุนรัฐวุฒิวิจารณ์ ตั้งอยู่ถนนราชดำเนิน ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ใกล้กับวัดพระธาตุ อยู่ในพื้นที่เดียว กับร้านกาแฟไทชิ อาคารเรือนปั้นหยาอายุกว่า 108 ปี โดยทายาทของขุนรัฐวุฒิวิจารณ์ได้ดำเนินการบูรณะปรับปรุงบ้านหลังนี้อีกครั้ง ฟื้นฟูสู่สภาพที่สวยงามพร้อมกับเปิดเป็น สถานที่ท่องเที่ยว เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เยี่ยมชม โดยบ้านขุนรัฐวุฒิได้รางวัล อาคารอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรม ดีเด่น ปี 2556 โดยสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์

4. บ้านหนังตะลุงสุชาติ
บ้านหนังตะลุงสุชาติ ทรัพย์สิน เป็นศิลปินหนังตะลุงและช่างทำรูป หนังตะลุงฝีมือดีเยี่ยมของเมืองนครศรีธรรมราช ที่ริเริ่มและสืบทอดวัฒนธรรมการ ทำตัว หนังตะลุง รวมไปถึงการเชิดหนังตะลุงจนที่เป็น ที่ยอมรับในระดับชาติ บ้านหนังตะลุงสุชาติเป็นแหล่งผลิตและจำหน่ายตัวหนังตะลุงและหนังใหญ่ อีกทั้งยัง มีการแสดงในลักษณะสาธิตในบริเวณบ้านหนังตะลุง นอกจากนี้ยังได้แบ่งพื้นที่เพื่อจัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงเครื่องมือเครื่องใช้พื้นบ้าน และพิพิธภัณฑ์หนังตะลุงนานาชาติ

5.กำแพงเมืองเก่า
กำแพงเมืองเก่า เป็น กำแพงเมืองที่เคยปกป้องเมืองนครศรีธรรมราชจากข้าศึก เป็นโบราณสถานที่สำคัญของจังหวัดแสดงถึงความเก่าแก่ ความแข็งแกร่ง ความเจริญรุ่งเรือง และประวัติศาสตร์อันยาวนาน ปัจจุบันได้รับการบูรณะใหม่ให้แข็งแรงและสวยงาม เพื่อพัฒนาเป็นอีก 1 สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีที่ตั้งอยู่หลายจุดด้วยกัน แต่ที่เหลือให้ชม คือ กำแพงเมืองด้านทิศเหนือ อยู่ริมคลอง หน้าเมือง ถนนมุมป้อม

6.หอพระอิศวร หอพระนารายณ์
หอพระอิศวรและเสาชิงช้า อยู่ริมถนนราชดำเนิน เป็นโบราณสถานในศาสนาฮินดู เป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของพระอิศวรและ ฐานโยนิ รวมทั้งเทวรูปสำริดอีกหลายองค์ อาทิ เทวรูปศิวนาฎราช พระอุมาและพระพิฆเนศ ซึ่งจำลองจากองค์จริงที่เก็บรักษาไว้ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่ง ชาตินครศรีธรรมราช
หอพระนารายณ์ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับหอพระอิศวร อาคารหอพระนารายณ์เดิน ไม่สามารถสืบทราบรูปแบบได้ สิ่งสำคัญที่พบภายในหอพระนารายณ์ ได้แก่ เทวรูปพระนารายณ์สลักจากหินทรายสีเทาทรงมาลารูปกระบอก ปลายสอบและพระหัตถ์ขวาทรงสังข์ กำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ 10 – 11ซึ่งปัจจุบันได้เก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินครศรีธรรมราช โบราณวัตถุที่ตั้งอยู่ในหอพระนารายณ์ขณะนี้คือ เทวรูปพระนารายณ์จำลองจากองค์จริงที่พบในแหล่งโบราณสถานคดีแถบอำเภอสิชล

7.กุฏิทรงไทยวัดวังตะวันตก
กุฏิทรงไทยวัดวังตะวันตก หรือที่ชาวนครท้องถิ่นเรียกกันว่ากุฏิร้อยปี ตั้งอยู่ในวัดวังตะวันตก ริมถนนราชดำเนิน เป็นกุฏิไม้ทรงไทยเรือนเครื่องสับ 3 หลัง มีหลังคาจั่วแต่ละหลังคาคลุมเชื่อมต่อกัน ตัวเรือนกุฏิไม้เป็นแบบเรือนฝาประกน มีลวดลายแกะสลักไม้ ตกแต่งตามส่วนต่างๆ ด้วยความงดงามของลวดลายศิลปะ สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ คัดเลือกกุฏิวัดวังตะวันตกให้เป็น อาคารอนุรักษ์ดีเด่น ประเภทปูชนียสถานและวัดวาอาราม

8. เจดีย์ยักษ์ วัดพระเงิน
เจดีย์ยักษ์ อยู่ริมถนนศรีปราชญ์ ข้างสำนักงานเทศบาลนครศรีธรรมราช เป็นเจดีย์สูงใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากเจดีย์พระบรมธาตุ ทรงเจดีย์เป็นแบบลังกา ด้านหน้าพระเจดีย์มีวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปปั้นนั่งองค์ใหญ่ สมัยอยุธยา เรียกพระเงินหรือหลวงพ่อเงิน ซึ่งปัจจุบันทางจังหวัดได้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบ รวมถึงทำการบูรณะเจดีย์ใหม่โดยทาเจดีย์เป็นสีขาว จากเดิมที่เป็นอิฐ ซึ่งให้ใครที่ได้ขับรถผ่านไปในถนนเส้นนี้จะเห็นเจดีย์ทรงลังกาสีขาวโดดเด่นมาแต่ไกล เป็นอีกหนึ่งปูชนียสถานที่สำคัญของนครที่ควรค่าแก่การมายี่ยมชม

9.บ้านคีรีวง
ชุมชนต้นแบบในการจัดการธุรกิจท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่มีวิถีชีวิตแบบชาวสวนอยู่กับธรรมชาติ และได้พัฒนา การบริการนักท่องเที่ยวขึ้นมาเป็นธุรกิจใหม่ของชุมชน จุดเด่นของหมู่บ้านคีรีวง ก็คือ ทัศนียภาพแห่งธรรมชาติ เพราะคีรีวงตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขา ป่าไม้และสายน้ำ กิจกรรมที่น่าสนใจ ในหมู่บ้านคีรีวง คือ การพักในที่พักแบบโฮมสเตย์ เพลินตาและเพลินอารมณ์กับทัศนียภาพแห่ง ธรรมชาติ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขา ป่าไม้ ปั่นจักรยานชมวิวสูดอากาศบริสุทธิ์ ซึ่งสามารถหาเช่าจักรยานได้ตามร้านเช่าจักรยานในจุดต่างๆ รอบหมู่บ้าน

10.จุดชมวิวเขาธง
จุดชมวิวเขาธง ตั้งอยู่บ้านเขาธง อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช ไม่ไกลจากหมู่บ้านคีรีวง ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ที่ทางจังหวัดนครศรีธรรมราชภูมิใจนำเสนอ มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม และเป็นสถานที่สูดอากาศที่บริสุทธิ์ เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่มีป้ายเขียนว่า อากาศดีที่สุดในประเทศไทย มีร้านกาแฟบรรยากาศแบบท้องถิ่น น่านั่งจิบกาแฟดื่มด่ำไปกับเสียงทักทายของธรรมชาติ นอกจากนี้ บริเวณด้านล่างของจุดชมวิวเป็นสำธารน้ำใส สามารถลงเล่นน้ำได้ ใครอยากพักผ่อนค้าง 1 คืน มีที่พักบรรยากาศดี ชื่อว่า เขาธงรีสอร์ท รีสอร์ทเล็กบรรยากาศสบาย ตรงข้ามจุดชมวิว หากใครผ่านไปแถว ลองขับรถผ่านเลยไปตามถนนเส้นหลังหมายเลข 4015 ที่มุ่งหน้าไปอำเภอฉวาง จะได้ชมวิวสองข้างทางของถนนสายนี้สวยงามไม่แพ้ภาคเหนือ

11.ณ บ้านเล็กกลางหุบเขา Little House in the Valley
ตั้งอยู่ในอำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช ไม่ไกลจากหมู่บ้านคีรีวง ในเขตอำเภอลานสกาที่ว่ากันว่าอากาศดีที่สุดในประเทศไทย ด้านหลังร้านมองเห็นวิวหุบเขาด้านล่าง มีลำธารจากคลองเขาแก้วซึ่งจะมีน้ำไหลมาจากเทือกเขาหลวงผ่านบริเวณนี้ ร้านตกแต่งสไตล์ลอฟท์ผสมแนวบ้านสวน ตัวร้านทั้งภายในและภายนอกตกแต่งด้วยอิฐมอญสีแดงเก๋ไก๋ จุดเด่น คือ มีแปลตาข่ายยื่นออกไปจากตัวร้าน ให้ได้นั่งเล่น นอนเล่น ชมธรรมชาติสีเขียวที่อยู่เบื้องหน้า ในส่วนของเครื่องดื่มมีทั้ง กาแฟ น้ำผลไม้ โกโก้ ชาเย็น ของหวาน โทส วาฟเฟิล รสชาติดี นอกจากจะให้บริการในส่วนของร้านกาแฟแล้ว ที่นี่ยังให้บริการในส่วนของห้องพักอีกด้วย



ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น